นานแล้วที่ไม่พบเจอ แต่กระนั้นก็ยังจดจำได้ดี
.....................
..............
..................
..........
.......
ตะวันคล้อยต่ำ นภาแดงฉาน ชายร่างสูงบางยืนริมหน้าต่างนัยน์ตาเหม่อลอย ใจหวนคิดถึงชายที่เห็นเขาเป็นศัตรูมาตลอด อาเธอร์ เลโอนาท บริสตั้น เดอะปรินซ์ ออฟ ซาเรส... แห่งปราสาทขุนนาง ศัตรูตลอดกาลของป้อมอัศวิน
...จะมีสักวันไหมที่ปราสาทขุนนางกับป้องอัศวินจะเป็นมิตรกัน จะมีไหมนะ... วันที่เขากับอาเธอร์จะได้อยู่เคียงกันในฐานะเพื่อน ในฐานะ... คนรัก...
.....................
“โรเวน!! นายจะไม่กินข้าวเช้าเลยรึไง?” เสียงทักดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มรีบรุดออกไปจากโรงอาหารทั้งที่เพิ่งเข้ามาถึง
“นึกได้ว่ามีประชุม แล้วเจอกัน” จบคำชายหนุ่มก็ผละไปทันที ทิ้งอีกฝ่ายให้มองตาม นัยน์ตาแสดงความห่วงใย
“เฮ้อ... เดี๋ยวก็ได้เป็นลมหรอก”
.....................
แสงแดดยามเช้าเหมาะแก่การออกกำลังกาย แต่สำหรับบางคนมันเหมาะกับการนอนเสียมากกว่า
เจ้าชายอาเธอร์ผู้ไม่เคยเกรงใครเดินวนรอบป่าเล็กในโรงเรียนพระราชามาได้สักพักแล้ว ในที่สุดเขาก็พบ... มุมที่ดีที่สุด ต้นไม้ใหญ่ที่ใบบังแสงอาทิตย์ไม่ให้สาดส่องถึงโคน เจ้าชายใจสิงห์ทิ้งตัวลงนอนทันที --อากาศสบายขนาดนี้ไม่นอนไม่ได้แล้ว-- ชายหนุ่มปรือตาลงก่อนจะเคลิ้มหลับไป
“อาเธอร์นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่” เสียงตะโกนลั่นทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งโหยงตื่นจากนิทรา มองผู้มาเยือนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ความหงุดหงิดทำเอาเขาปากพล่อย
“โรเวน... ชั้นจะฆ่านาย” อาเธอร์เองก็ไม่ชอบให้ใครขัดจังหวะการนอน
คำพูดโดยไม่คิดของคนเพิ่งตื่นเสียดแทงหัวใจอย่างจัง ทักทายดีๆ ไม่ได้รึไง ทำไมต้องพูดอย่างนี้ด้วย โรเวนได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้
“หึ คิดรึว่านายทำได้... มีประชุมด่วน อย่าลืมสิ! ไปเร็ว” คำพูดประโยคหลังส่งไปไม่ถึงโสตประสาทของคนเพิ่งตื่นซะแล้ว สิ่งเดียวที่ได้ยินคือคำท้าทายในฝีมือ
“ได้ ไม่ได้ เดี๋ยวรู้”
ฉับพลัน คมดาบเฉือนดวงหน้าของเจ้าชายแห่งเจมิไน เลือดแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาจากปากแผลข้างแก้ม
โรเวนมีสีหน้าบ่งบอกความสงสัย หลบพ้นแล้วไม่ใช่รึ ทำไมยังโดนอีก
อาเธอร์ยิ้มเยาะ ตามด้วยคำพูดหวังปลุกอารมณ์คนฟัง
“มีฝีมือแค่นี้รึ โรเวน ฮาเวิร์ด ดูท่าเจมิไนใกล้ถึงกาลอวสานซะแล้ว หึ แค่ดาบเล่มเดียวยังหลบไม่พ้น”
ทว่า น้ำเสียงของอาเธอร์ไม่ผ่านเข้าหูโรเวนเลย บัดนี้สติเริ่มจางหาย ความรู้สึกวูบๆ แปลกๆ เกิดขึ้น สิ่งรอบตัวหมุนติ้ว สุดท้ายทุกอย่างก็ดับลง
“จนได้สิน่า\" เสียงพึมพำเบาๆ ดังจากปากของผู้แอบดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ  \"แต่ก็ช่างเถอะ... ในเมื่อเจ้าชายของมันก็อยู่นั่นแล้ว” ว่าแล้วชายหนุ่มก็จากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
....................
เปลือกตาค่อยๆ ปรือขึ้นก่อนจะกระพริบเบาๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดเจนขึ้น ภาพแรกที่เห็น ใบหน้าคมกริบของอาเธอร์ นี่เขาฝันไปรึนี่... ไม่ใช่ฝัน ความรู้สึกเจ็บที่แก้มยังคงอยู่ ร่างบางเอื้อมมือขึ้นมาลูบบาดแผลเบาๆ ของเหลวเหนอะไหลจากปากแผล ไม่ทันไรเจ้าชายอาเธอร์ก็ก้มลงเลียเลือดที่แก้มใส โรเวนตะลึงก่อนจะผลักโครมเข้าให้
“ไอ้ ทุ เรศ ทำไรของแกวะ” น้ำเสียงหวานด่าออกไป ทั้งที่ใจเต้นแรงจนแทบโดดออกมานอกผิวเนื้ออยู่แล้ว
“หึ คิดว่าทำอะไรล่ะ พิศวาสนายรึไง” ชายหนุ่มทิ้งช่วงทำเอาคนฟังหวั่นไหว รู้สึกมีความหวังขึ้นมา “หึหึ ชั้นแค่จะทำแผลเท่านั้นแหละน่า”
\"ทำแผลบ้านไหนเค้าใช้ลิ้นเลียกัน\" ร่างบางโต้ หน้าแดงราวลูกตำลึง
“ชั้นเคยอ่านเจอในหนังสือ เขาว่าวิธีที่จะทำให้เลือดหยุดไหลเร็วที่สุดคือเลีย... หรือดูดเลือดนั่นซะ” นัยน์ตาสีดำเคร่งขรึมของอาเธอร์มองโรเวนนิ่ง
ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วแดงขึ้นอีก ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เท่ห์เหลือเกินอาเธอร์ ทำไมนายถึงเท่ห์อย่างนี้ รู้บ้างไหมว่ากำลังจะทำให้เขาคลั่งแทบขาดใจ
“ไปห้องประชุมกันเถอะ” โรเวนรีบตัดบทก่อนที่เขาจะห้ามใจไม่อยู่ ร่างบางทำท่าจะออกเดิน แต่มือใหญ่ฉวยแขนเขาไว้
“แผลยังไม่หาย\"
โรเวนหันกลับมามองผู้พูด น้ำเสียงแข็งกับท่าทีที่แสดงออกทำเอาเขาหลุดยิ้ม
“นี่นายกลัวชั้นจะไปฟ้องอาจารย์รึไง ว่าโดนท่านอาเธอร์ขี้เซาเฉือนแก้ม” โรเวนเอ่ยน้ำเสียงปนหัวเราะ
อาเธอร์ไม่ตอบ
โรเวนเห็นจังหวะเหมาะจึงค่อยๆ เดินเข้าไปประชิดร่างอีกร่างและกระซิบข้างหูแผ่วเบา
“รึนายห่วงชั้น”
อาเธอร์ไม่ตอบ แต่ผลักตัวคนพูดออกห่างจากตน
“แค่นี้ต้องผลักด้วย หึหึ” โรเวนกระเซ้าต่อ อาเธอร์จ้องเขม็ง
“ชั้นแค่ไม่อยากถูกกล่าวหาว่าแกล้งเจ้าชายคนสำคัญของเจมิไน”
โรเวนอึ้ง แกล้งรึ ไอ้หมอนี่เห็นเขาเป็นผู้หญิงรึไง... แต่พอคิดอย่างนั้นเจ้าตัวกลับหน้าแดงซะเอง บอกไม่ถูกว่าดีใจรึเสียใจ รู้แต่ตรงอกมันส่งเสียงดังออกมา
“นายนี่มันบ้าจริงๆ น่ะแหละ”
จบประโยคของโรเวน อาเธอร์ก้มลงเลียเลือดจากแก้มแดงอีกครั้ง
....................
จันทร์เต็มดวงฉายแสงนวลดึงดูดสายตา โรเวนยืนเหม่อริมหน้าต่างเช่นเคย ดวงใจยังคงคิดถึงเพียงอาเธอร์ มองจันทร์ไม่เห็นจันทร์ มองฟ้าไม่เห็นฟ้า ประสาทตาปิด เปิดปล่อยใจให้ล่องลอยไปถึงหัวหน้าปราสาทขุนนาง แล้วดวงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อเมื่อคิดถึงการกระทำของอาเธอร์เมื่อตอนเช้า แล้วเขาก็เผลอยิ้มออกมา ยิ้มให้กับดวงจันทร์ที่เขาเห็นเป็นอาเธอร์ เหมือนคนบ้า... แต่ถึงบ้าก็น่ารักล่ะวะ
ความคิดหยุดลงเมื่อก้มลงมองลานป้อม ร่างของใครคนหนึ่งวนเวียนอยู่ตรงนั้น โรเวนพยายามเพ่งสายตา คุ้น... ชายหนุ่มนึกไปถึงอาเธอร์อีกครั้ง แต่คงไม่ใช่ ก็อาเธอร์จะมาทำอะไรที่นี่เล่า
ด้วยความอยากรู้ โรเวนคว้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องลงไปยังลานป้อมทันที ภาพที่เห็น อาเธอร์กำลังรับมือกับนักบวชและซาตานแห่งป้อมอัศวิน นักบวชขว้างกริชใส่อาเธอร์ โรเวนเข้าขวาง พร้อมคำสั่ง
“หยุด”
สายตาสามคู่หันมอง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” น้ำเสียงเย็นเยียบถามไปที่ลูคัสที่อยู่ในท่าพร้อมสู้แต่มือยังถือถ้วยชา
ซาตานหนุ่มยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนตอบ “ท่านอาเธอร์ใจสิงห์บุกเข้าป้อมอัศวิน ชั้นกับลอรี่เห็นเลยมาทักทาย”
ขาดคำ กริชพุ่งจากมือลอเรนซ์มาปักถ้วยชาหลุดมือลูคัสตกพื้นแตก ลูคัสเพียงขยับยิ้มที่มุมปาก
โรเวนหันไปทางอาเธอร์ “นายเข้ามาทำอะไรในป้อมอัศวิน”
อาเธอร์ส่งสายตากวนเบื้องล่างมาให้ก่อนตอบ “เยี่ยมญาติมั้ง”
“ข้าไม่เคยได้ยินว่าท่านอาเธอร์มีญาติอยู่ในป้อมอัศวิน ไม่ทราบว่าเป็นพระญาติฝ่ายใดรึ” ลอเรนซ์ถามกวนกลับ
อาเธอร์มองคนทั้งสามอย่างชั่งใจก่อนตอบ “สงสัยจะเป็นว่าที่พระชายาในอนาคต”
คำตอบที่ได้ทำเอาลูคัสหัวเราะเบาๆ
“พอๆ เลิกเล่นกันซะที เอาล่ะอาเธอร์ นายจะบอกชั้นได้รึยังว่านายเข้ามาทำอะไรในป้อมอัศวิน... ถ้าจะตอบว่ามาเยี่ยมญาติก็ขอบอกไว้ก่อนว่าป้อมอัศวินหมดเวลาเยี่ยมตั้งแต่สองทุ่ม มาเวลานี้ถือว่าบุกรุก” คำสั่งเฉียบขาดดังจากปากโรเวน
อาเธอร์ถอนใจเบาก่อนตอบ “ชั้นเดินตามนกตัวหนึ่งเข้ามา นกสีขาวสว่าง งามจนน่าหลงใหล...”
อาเธอร์ทำเสียงนุ่มตอบ มองสบตาโรเวนอ่อนโยน ทำเอาโรเวนใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ลอเรนซ์สังเกตเห็นกลิ่นไอของคำว่า \'รัก\' จากบรรยากาศรอบๆ ก็กระแอมเบาๆ
“ท่านอาเธอร์คงหมายถึงนกตัวนี้ล่ะสิ”
ว่าแล้วลอเรนซ์ก็เสกนกสีขาวขึ้นมาจากมือ
“นกตัวนี้ข้าสร้างขึ้นเอง ข้าแค่ลองเวทย์ ไม่นึกว่าจะทำเอาท่านอาเธอร์สนใจได้”
อาเธอร์มองนกตัวนั้นอย่างพินิจ
“เอาล่ะ เมื่อไม่มีไรแล้วก็แยกย้ายกันไปนอนเถอะ ไปกันเถอะลอรี่” เสียงนี้ดังจากปากของลูคัสที่เงียบมาตั้งแต่แก้วชาแตก เสียงที่เรียกกริชบินได้เสมอ ลูคัสหลบกริชก่อนจะฉวยเอาร่างของลอเรนซ์หายลับไป
ณ ลานป้อม เหลือเพียงโรเวนกับอาเธอร์ ความเงียบปกคลุม ชายทั้งสองยังคงมองกันอย่างหยั่งเชิง อาเธอร์เปิดบทสนทนาขึ้นก่อน
“เรื่องเมื่อตอนบ่าย... ขอโทษ”
“เรื่องอะไร ชั้นลืมไปหมดแล้ว” โรเวนทำตาใสซื่อ
“ก็เรื่อง... เออ ช่างมันเถอะ” อาเธอร์หน้าขึ้นสี
“เมื่อไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับปราสาทขุนนางของนายซะ เกิดนายเป็นอะไรในเขตป้อมอัศวินขึ้นมา คนอื่นจะหาว่าชั้นรังแกหัวหน้าปราสาทขุนนางได้”
“แล้วถ้าชั้นเกิดเป็นอะไรขึ้นมา นายจะรับผิดชอบยังไงล่ะ”
โรเวนเงียบคิด
“ก็แล้วแต่ว่านายเป็นอะไร ชั้นไม่รู้ว่านายจะเป็นอะไรนี่ จะไปตอบได้ยังไงว่าจะรับผิดชอบยังไง”
อาเธอร์ยิ้มมุมปาก ก่อนเรียกดาบอัศวินดำขึ้นมาแล้วฟันฉับเข้าที่แขนตนเอง เรียกเลือดทะลัก โรเวนหน้าซีด อาเธอร์เก็บดาบ
“ทีนี้ตอบได้รึยังว่าจะรับผิดชอบยังไง” อาเธอร์ยิ้ม ทำหน้าภูมิใจที่ได้แกล้งชายหนุ่ม
โรเวนอึ้ง ด่าออกไป “ไอ้งี่เง่า แกทำบ้าอะไรของแก อยากจะทำร้ายตัวเองก็ไปทำในเขตปราสาทขุนนางของแกสิ ไอ้บ้าเอ๊ย”
โรเวนหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธ อาเธอร์ยังคงยิ้ม เขาอ้าปากจะพูดต่อก็ล้มลง สลบเหมือดเพราะเสียเลือดมาก
“อาเธอร์!!!\"
....................
“โรเวน” เสียงเรียกดังขึ้น ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากเจ้าของชื่อ
“โรเวน ตื่น เช้าแล้ว” คนเรียกเพียรเรียกต่อไป คนนอนก็ยังคงไม่รู้สึกตัว
รอยยิ้มละมุนผุดขึ้น --ว่าแต่ชั้นขี้เซา นายเองก็เหมือนกันแหละน่า--
อาเธอร์เห็นร่างบางไม่ลุกสักทีจึงคิดแกล้ง โน้มหน้าลงข้างใบหู ตะโกนลั่น
\"โรเวน!!!!!!\"
ได้ผล เจ้าของชื่อลืมตาโผลง ลุกขึ้นนั่งทันที
“อะไร อะไร เกิดอะไรขึ้น” ว่าพลางหันศีรษะไปซ้ายทีขวาทีอย่างงุนงง
อาเธอร์ที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงหลุดหัวเราะออกมา
โรเวนค่อยๆ หันไปมอง ทำเสียงเข้ม
\"นาย-เล่น-อะ-ไร-ฮะ\"
ร่างสูงยิ้มเผล่ \"ก็นายไม่ตื่นสักทีนี่นา\"
โรเวนได้แต่ถอนหายใจเบาๆ นี่ก็วันที่สองแล้วที่อาเธอร์มาอยู่ในห้องของเขาเพื่อรักษาแขน
\"แขนนายก็หายดีแล้ว เมื่อไหร่จะกลับปราสาทของนายซะที ชั้นขี้เกียจแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนายแล้วนะ\"
\"ก็บอกไปเลยสิว่าชั้นมาอยู่กับนาย\"
ร่างบางหน้าขึ้นสีด้วยความอาย
\"นายเปลี่ยนไปมากนะ... อาเธอร์\"
อาเธอร์นิ่งเงียบ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพื้นแล้วนั่งลงบนเตียงของอีกฝ่าย
\"นั่นก็เพราะนายไม่ใช่รึไง... หรือนายไม่ชอบที่ชั้นเป็นแบบนี้\"
ร่างสูงว่า สบสายตากับอีกฝ่ายนิ่ง
\"หลังจากนี้... วันพรุ่งนี้ นายจะอ่อนโยนกับชั้นอยู่รึเปล่า\" ร่างบางถามเบาๆ
อาเธอร์ยิ้มแต่ไม่ตอบ แล้วร่างสูงก็โน้มตัวเข้าหาร่างบาง ประกบริมฝีปากนิ่ง เนิ่นนาน
\"อยากให้ชั้นกลับรึเปล่า\" ร่างสูงถามหลังจากถอนริมฝีปากออก
\"ไม่\" ร่างบางตอบแทบจะทันที
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน หลุดลอยไปกับโลกแห่งความฝันที่มีเพียงเขาสองคน บรรเลงเพลงรักอย่างรื่นเริง เคลิบเคลิ้ม
.....................
ราตรีกาลมาเยือน
บุรุษชุดดำนั่งเหม่อที่ปลายเตียง มองร่างบางบนเตียงอย่างเศร้าสร้อย... ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างออก แล้วเหลียวกลับมามองร่างบางอีกครั้ง ....ยิ้ม... แล้วเอ่ยเบาๆ
\"อย่าลืมว่าชั้น... รักนาย\"
ว่าแล้วร่างสูงก็ลับกายไปจากห้องเล็กๆ
.....................
................
...................
..........
........
โรเวนยืนยิ้มบางอย่างเศร้าสร้อย เมื่อนึกถึงเรื่องราวครั้งอดีต ระหว่างเขา... กับอาเธอร์ ถ้อยคำสุดท้ายยังคงฝังแน่น
ถึงแม้บทเพลงรักระหว่างสองหนุ่มจะไม่อาจบรรเลงต่อไปได้
ถึงแม้จะมีเพียงเสี้ยวเดียว
แต่กระนั้น... มันก็เป็นเสี้ยวที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิต
\"เจ้าพี่\" เสียงใสๆดังขึ้นจากด้านหลัง
ชายหนุ่มสะดุ้ง หันไปมองแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
\"คิดอะไรอยู่หรือเพคะ\" วิเวียนนานีย่าถาม ใคร่รู้
\"เรื่องเก่าๆน่ะ\" โรเวนยิ้มบางเบา
..................................
\"อย่าลืมว่าชั้น... รักนาย\"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น